โรคไข้เลือดออกนั้นเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี (Dengue Virus) โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค ซึ่งพบได้ในทุกกลุ่มอายุ อาการของโรคไข้เลือดออกแม้จะไม่รุนแรง หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจนทำให้เสียชีวิตได้
หากพบว่ามีอาการดังกล่าว ควรพบแพทย์ทันที และห้ามซื้อยารับประทานเองเด็ดขาด เราสามารถป้องกันโรคไข้เลือดออกได้โดย ระวังอย่าให้ยุงกัด ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง โดยเฉพาะภาชนะที่มีน้ำขัง
สังเกตอาการของโรคไข้เลือดออกได้ ดังนี้
- มีไข้สูง 39 – 40 องศา เกิน 2 วัน
- ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว
- อ่อนเพลีย ซึมลง
- ปัสสาวะสีเข้ม
- เบื่ออาหาร อาเจียน
- อาจพบจ้ำเลือดหรือจุดเลือดตามผิวหนัง
- อุจจาระมีสีดำ
โรคไข้เลือดออกเป็นโรคติดต่อที่ระบาดหนักมากในช่วงฤดูฝน โดยมีจำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิตจากโรคนี้เพิ่มขึ้นทุกปี นอกจากการดูแลตนเอง และทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลายซึ่งเป็นพาหะนำเชื้อ เราสามารถป้องกันตนเองด้วยวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก (Dengue Vaccine) ซึ่งเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่สามารถช่วยป้องกันอาการป่วยด้วยไข้เลือดออกได้ โดยประสิทธิภาพในการป้องกันไข้เลือดออกจะมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของเชื้อไวรัสไข้เลือดออก ประวัติการติดเชื้อไข้เลือดออกมาก่อนหน้าที่จะได้รับวัคซีน และอายุของผู้ได้รับวัคซีน
ที่มาของข้อมูลและภาพ : ศูนย์ปฎิบัติการภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค